ตาตกทำให้หน้าดูเศร้า รู้ทันสาเหตุและวิธีแก้ไขแบบเห็นผล

ทุกครั้งที่ส่องกระจกเคยรู้สึกไหมว่าทำไมหน้าถึงดูเศร้าหรือดูเหนื่อยแม้จะพักผ่อนเพียงพอหรือแต่งหน้ามาอย่างดี หนึ่งในสาเหตุที่หลายคนมองข้ามคือ “ตาตก” หรืออาการ “หนังตาตก” ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจของหลายคนโดยเฉพาะในวัยที่เริ่มมีอายุ

หนังตาตกเกิดจากอะไร?

อาการหนังตาตกสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น
- อายุที่เพิ่มขึ้น ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตาอ่อนแรง
- กรรมพันธุ์ บางคนมีภาวะตาตกตั้งแต่เด็ก
- ภาวะทางการแพทย์ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การขยี้ตาบ่อย พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการโดนแสงแดดมากเกินไป ก็อาจเร่งให้หนังตาตกเร็วขึ้น
เมื่อหนังตาตก จะทำให้ดวงตาดูเล็กลง ขอบตาดูคล้อย ส่งผลให้ใบหน้าดูเศร้า เหนื่อยล้า และบางรายอาจมีปัญหาด้านการมองเห็นร่วมด้วย

วิธีแก้ไขปัญหาตาตกแบบเห็นผล

1. การดูแลตัวเองเบื้องต้น การบำรุงผิวรอบดวงตาด้วยครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของเปปไทด์หรือเรตินอล สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดความหย่อนคล้อยได้ในระดับหนึ่ง
2. การนวดกดจุดหรือทำโยคะหน้า วิธีธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาแข็งแรงขึ้น ซึ่งเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีอาการตาตก
3. การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์
- เลเซอร์หรืออัลเทอร่า (Ulthera) ช่วยกระชับผิวบริเวณเปลือกตา
- เทอร์มาจ (Thermage) ยกกระชับผิวชั้นลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ฉีดโบท็อกซ์ ช่วยยกหางตาในรายที่มีอาการไม่รุนแรง
4. ศัลยกรรมแก้หนังตาตก สำหรับผู้ที่มีหนังตาตกชัดเจนหรือมีปัญหาการมองเห็น

ตาตกหรือหนังตาตกอาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจไม่น้อย การรู้ทันสาเหตุและเลือกแนวทางการแก้ไขให้เหมาะกับตัวเอง จะช่วยให้คุณกลับมามีดวงตาที่สดใส และใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง หากใครที่มีปัญหาหนังตาตก ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางแก้ไขได้ที่ http://issaveeclinic.com/